จากกรณีที่เมื่อวานไม่มีคนนำคลิปมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์เกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่แต่งกายด้วยเสื้อสีดำกางเกงแดงและเมื่อเข้ามาในลิฟท์ของสถานีรถไฟฟ้า BTS ตรงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติก็ได้มีการนำน้ำลายมาป้ายตามผนังและปุ่มกดของลิฟท์รวมถึงมีการควักเข้าไปตรงอวัยวะเพศแล้ว

นำมาป้ายตามจุดต่างๆภายในลิฟท์และเมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานีรถไฟฟ้า BTS เข้าไปเพื่อจะทำการจับกุมตัวชายคนดังกล่าวก็ได้วิ่งหนีไปทางถนนพระราม 1 นั้นปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประกาศออกมาว่าสามารถจับกุมตัวชายคนดังกล่าวได้เรียบร้อยแล้วโดยพบว่าชายคนดังกล่าวเป็นคนไทยซึ่งตอนนี้กำลังทำการสืบสวนอยู่ว่าสาเหตุที่ใช้คนดังกล่าวได้ออกมาทำแบบนี้เพราะสาเหตุอะไร

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำตัวชายคนดังกล่าวไปทำการตรวจสอบที่โรงพยาบาลสุขภาพจิตเพื่อที่จะดูว่าชายคนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพทางจิตหรือไม่เพื่อที่จะได้ส่งตัวไปรักษาหากป่วยเป็นโรคทางจิตแต่ถ้าหากชายคนนี้มีอาการปกติไม่ได้ป่วยแต่อย่างใดก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายโดยจะต้องมีการจำคุก 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท

หรืออาจจะทั้งจำทั้งปรับเนื่องจากการกระทำของชายคนดังกล่าวเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นแล้วที่สำคัญทางบริษัทรถไฟฟ้า BTS ได้มีการแจ้งความเกี่ยวกับเรื่องของการทำลายทรัพย์สินและสร้างความเสื่อมเสียความสกปรกให้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS ดังนั้นชายคนนี้จึงต้องมีความผิดทางกฎหมายแต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปพูดคุยสอบถามชายคนดังกล่าวเบื้องต้นแล้วหน้าเขายืนยันว่าตนเองสุขภาพปกติดี

เมื่อเจ็บป่วยหรือมีปัญหาทางจิตแต่อย่างใดและไม่ได้มีเจตนาที่จะทำในสิ่งที่ไม่ดีเพียงแต่ว่าเขาต้องการเช็ดมือเนื่องจากมือของเขาเปื้อนแล้วไม่รู้จะไปเช็คที่ไหนยังได้ป้ายไปตามบริเวณภายในลิฟท์ ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการค้นกระเป๋าเพื่อหาเอกสารผู้ป่วยคงใช้คนดังกล่าวแล้วไม่พบว่ามีหลักฐานว่ามีการเข้าไปรักษาโรงพยาบาลใดดังนั้นหากทางโรงพยาบาลที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งผู้ป่วยทำการตรวจสอบอีกครั้งยืนยันมาว่าชายคนดังกล่าวไม่ได้ป่วยทางจิตทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมายชาย

คนดังกล่าวเนื่องจากว่ามีหลักฐานอย่างแน่นหนาที่ทำให้ทราบได้ว่าชายคนนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำการเช็ดมือแต่เขาตั้งใจที่จะทำการเอาเชื้อโรคมาป้ายให้คนอื่นติดเนื่องจากว่าเขาเอามือล้วงไปในปากและล้วงไปในอวัยวะเพศเลยเพราะถ้าหากว่าคนเราตั้งใจที่จะเช็ดมือธรรมดาทั่วไปเพราะมือเพื่อนคงไม่เอามือล้วงเข้าไปในปากแล้วออกมาเช็ดแน่นอน 

ข่าวที่น้องพิมพ์ออกมาดามากกลัวจะไม่ได้เรียนหมอ

เพราะค่าเทอมแพงปีละ 400,000 นั้นทางกระทรวงเย็นๆออกมาว่าน้องได้เรียนแน่นอน

จากกรณีที่มีเด็กนักเรียนผู้ชายคนหนึ่งเป็นนักเรียนชั้นปอหกของโรงเรียนสามัคคีศึกษาอยู่ที่จังหวัดตรังได้ออกมาบอกว่าตัวเองสอบติดคณะแพทย์ศาตของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แต่อาจจะไม่ได้เรียนต่อด้านการแพทย์อย่างที่ตั้งใจเอาไว้เพราะด้วยฐานะทางบ้านมีฐานะที่ไม่ค่อยดีมากนักพ่อแม่จึงไม่มีเงินส่งให้เราเรียนได้ตามที่ต้องการ

ซึ่งเด็กชายคนหนึ่งกล่าวได้มีการแสดงผลการเรียนให้เห็นว่าเขาเป็นเด็กเรียนเก่งเรียนดีซึ่งเด็กชายคนดังกล่าวได้มีการโพสต์ขอความช่วยเหลือจากกลุ่มชาวสังคมโซเชียลอยากจะให้ช่วยออกเงินค่าเล่าเรียนให้กับตนเองเพราะตนเองไปฝันอยากจะเป็นนายแพทย์

แต่ถ้าเกิดฐานะทางบ้านยังเป็นอย่างนี้ก็อาจจะทำให้ฝันของเค้าไม่เป็นความจริงขึ้นมาได้ ซึ่งเมื่อมีการแชร์เกี่ยวกับการขอความช่วยเหลือของเด็กชายคนนี้ออกมาหลายฝ่ายก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องของราคาค่าเทอมที่ดูจะสูงเกินไปมากนักสำหรับคนที่เรียนดีแต่มีฐานะยากจนจนเรื่องหนึ่งกล่าวโด่งดังมาถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา

ซึ่งได้ออกมายืนยันกับทุกคนว่ากรณีอย่างน้องทีมเด็กชายที่โพสต์ขอความช่วยเหลือเรื่องการขอเงินค่าเทอมเพื่อไปเป็นค่าเทอมสำหรับการเรียนแพทย์นั้นเท่าที่เช็คกับทางมหาวิทยาลัยค่าใช้จ่ายไม่ได้มากมายถึงขนาดนั้นโดยทางมหาวิทยาลัยเองก็ได้มีการนำเอกสารชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของการเรียนแพทย์ออกมาให้ประชาชนได้รับทราบรวมถึงยังมีการระบุด้วยว่าทางมหาวิทยาลัยเองก็มีทุนการศึกษาให้หากเด็กคนไหนมีการดินดีแต่มีฐานะยากจน

โดยปกติทุนการศึกษานี้ก็จะมีให้กับทุกโรงเรียนอยู่แล้วดังนั้นหากน้องเป็นเด็กเรียนดีแต่ขาดแคนทุนทรัพย์ทางมหาวิทยาลัยก็ยินดีให้การสนับสนุนโดยนักศึกษาไม่จำเป็นต้องลาออก

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจจะเกิดขึ้นได้จากที่เด็กชายทิมอาจจะยังไม่รู้ว่าจะต้องไปขอทุนการศึกษาจากที่ไหนทำให้เกิดความกลัวว่าจะไม่ได้เรียนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ดังนั้นทางโรงเรียนเองหรือแม้แต่ทางกระทรวงการศึกษาที่การควรจะมีการคิดหามาตรการที่จะสามารถประชาสัมพันธ์ให้กับเด็กเด็กและผู้ปกครองตามต่างจังหวัดสามารถรู้ได้ว่าหากเราไม่มีทุนในการเรียนต้องการที่จะเป็นการขอทุนการศึกษาจากทางโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยแล้วควรจะติดต่อใครผ่านช่องทางไหนได้บ้าง

เพื่อที่เขาเหล่านั้นจะได้หาข้อมูลเบื้องต้นในการที่จะไปติดต่อขอทุนการศึกษาเพื่อที่จะได้ไม่มีกรณีเหมือนเด็กใช้ทิมเกิดขึ้นที่ต้องหันมาพึ่งถึงการศึกษาจากโลกโซเชียลเพียงเพราะไม่รู้ข้อมูลก็จะต้องไปหาทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยได้อย่างไร

         มีคลิปเผยแพร่ออกมาแสดงภาพเหตุการณ์กู้ภัยกับร่วมกตัญญูมีเรื่องทะเลาะวิวาทจนมีการลงมือตบหน้ากันที่หน้าโรงพยาบาลของจังหวัดนครศรีอยุธยาจนเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและคุณหมอประจำโรงพยาบาลต้องออกมาห้ามและขอร้องให้ไปทะเลาะกันที่อื่น

เพราะเกะกะขวางทางทำให้ผู้ป่วยรายอื่นๆ เข้ามารักษาพยาบาลไม่ได้นั้น เมื่อทุกคนที่เห็นคลิปต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากว่าเหตุน่าจะเกิดขึ้นเพราะแย่งคนไข้กัน ซึ่งเมื่อนักข่าวขอสัมภาษณ์ทั้งสองฝ่ายก็ออกมาให้ข้อมูลดังนี้

ทางหน่วยกู้ภัยของพุทไธสวรรย์ บอกว่า เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เจ้าหน้าที่ของ กู้ภัยของพุทไธสวรรย์

ได้รับแจ้งเข้ามาว่ามีผู้บาดเจ็บเมื่อได้รับแจ้งก็มีการตรวจสอบเส้นทางและกำลังเดินทางไป แต่ขณะนั้นก็ได้รับแจ้งว่าไม่ต้องไปแล้วเพราะมูลนิธิร่วมกตัญญูได้เดินทางไปถึงแล้ว

แต่ทางกู้ภัยของพุทไธสวรรย์ ไม่เชื่อจึงขับรถไปที่เกิดเหตุและก็พบว่าคนเจ็บยังไม่ได้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และทางร่วมกตัญญูก็ยังมาไม่ถึง พวกกู้ภัยของพุทไธสวรรย์ จึงได้พาคนเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาลและโทรเรียกให้เพื่อนขับตามมา แต่ระหว่างทางเพื่อนคนที่ขับรถตามมาไปเจอกับรถของร่วมกตัญญูระหว่างทางและมีเรื่องขับรถปาดหน้ากัน จึงทำให้ฝ่ายทางร่วมกตัญญูไม่พอใจและขับรถตามมาที่โรงพยาบาล

และมีเรื่องทะเลาะจนมีการตบหน้ากัน ซึ่งทางกู้ภัยของพุทไธสวรรย์ ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่ทะเลาะกันนี้ทั้งสองฝ่ายเคยมีเรื่องผิดใจกันมาก่อนแล้ว พอมาเจอกันระหว่างทางจึงทะเลาะกันอีก ไม่เกี่ยวกับการแย่งผู้ป่วยกัน

ส่วนทางฝั่งของมูลนิธิร่วมกตัญญูก็ออกมายืนยันเช่นเดียวกันว่า เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทตามคลิปนั้นเกิดจากทั้งสองฝ่ายเคยมีเรื่องกันอยู่แล้ว

พอมาเจอกันกลางทางแล้วเกิดการขับรถเบียดเพื่อแซงหน้ากันจึงเกิดความไม่พอใจ ทำให้ขาดสติ จึงได้มีการตามไปเคลียร์ที่โรงพยาบาล ไม่ได้ทะเลาะเพื่อแย่งคนไข้อย่างที่เป็นข่าว และทางฝ่ายมูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมจะทำงานร่วมกับอีกฝ่ายได้ไม่มีปัญหาและพร้อมจะขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

          จากที่ได้ติดตามข่าวมาถึงแม้ทั้งสองฝ่ายจะออกมายืนยันเหมือนกันว่าที่ทะเลาะกันนั้นเพราะเรื่องอื่น แต่ถ้าคนที่ฟังการสัมภาษณ์ของทั้งสองฝ่ายก็แปลออกได้ว่าทั้งสองฝ่ายทะเลาะและมีปัญหาเรื่องการแย่งคนเจ็บกันมาตลอด จะเห็นได้จากที่ทางฝั่งกู้ภัยของพุทไธสวรรย์ บอกว่ามีคนโทรมาแจ้งกู้ภัยของตน

แต่สักพักกลับมาแจ้งเข้ามาใหม่ว่าทางกู้ภัยร่วมกตัญญูไปถึงคนเจ็บแล้วทั้งที่จริงๆยังไม่มีใครไป และจากการที่ทางกู้ภัยของพุทไธสวรรย์

บอกว่ามีคนแจ้งว่ากู้ภัยร่วมกตัญญูไปถึงคนเจ็บแล้วแต่ทางกู้ภัยของพุทไธสวรรย์ไม่เชื่อจึงลองขับรถไปดูคนเจ็บ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายต้องการที่จะแย่งไปรับคนเจ็บนั่นเอง