จากกรณีที่มีเหตุการณ์ฆาตกรรมสะเทือนขวัญคนทั้งตำบลเชิงแส จังหวัดสงขลา เมื่อมีหญิงชราวัย 74 ปีถูกคนร้ายทำร้ายฝันไปตามร่างกายทั้งคอและมือจนเสียชีวิตแล้วนำศพไปทิ้งในคูน้ำซึ่งห่างจากบ้านเพียงแค่ประมาณ 50 เมตรเพียงเท่านั้นอย่างไรก็ตามทางด้านชาวบ้านและญาติของผู้ตายต่างก็สันนิษฐานตรงกัน
ว่าผู้ก่อเหตุนั้นน่าจะเป็นชายวัย 66 ปีซึ่งอาศัยอยู่บ้านข้างๆกับหญิงชรานั่นเองและหลังจากที่พบศพของหญิงชราก็ไม่เคยมีใครเห็นชายคนดังกล่าวอีกเลยซึ่งล่าสุดก่อนที่ตำรวจจะพบศพมีชาวบ้านคนหนึ่งเห็นว่าชายคนดังกล่าวนั้นได้เดินหายไปทางด้านหลังของบ้านซึ่งเป็นป่าและภูเขา
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้พยายามออกติดตามหาอยู่หลายวันแต่ก็ไม่สามารถพบชายวัย 66 ปีคนดังกล่าวแต่เมื่อวันที่ 14 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2564 ได้มีชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ตำบลชุมพล ได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพบเห็นชายส่งไวเดินหิว Seoul มาขอข้าวชาวบ้านและขอข้าววัดกินโดยล่าสุดจึงอยู่ที่ตรงบริเวณวัดนางเหล้า ตำบลชุมพรซึ่งชาวบ้านคาดว่าชายคนดังกล่าวน่าจะเป็นคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุฆ่าหญิงชราวัย 74 ปี
หลังจากได้รับสายจากชาวบ้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามออกติดตามหาแต่ก็ไม่พบจนในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการแต่งตัวเป็นชาวบ้านและขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกตามหาวนรอบหมู่บ้านของตำบลชุมพล ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปพบว่ามีชายวัย 66 ปีเดินอยู่บริเวณริมถนนในสภาพที่ค่อนข้างทรุดโทรมและหินโซลเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการลงไปพูดคุยด้วยหลังจากนั้นก็จับกุมทันที โดยขณะที่จากกลุ่มนั้นคนร้ายไม่ได้มีการหลบหนีแต่อย่างใดเพราะอยู่ในสภาพที่หมดแรงและหิวอาหารเป็นอย่างมากนั่นเอง
จากการสอบสวนคนร้ายเบื้องต้นพบว่าได้มีการลงมือทำร้ายหญิงชราวัย 74 ปีจริงโดยทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องของที่ดินซึ่งต่างฝ่ายต่างก็มองว่าอีกฝ่ายหนึ่งนั้นคงที่ดินของตนเองโดยทางผู้ก่อเหตุยืนยันว่าทางหญิงชรานั้นเป็นคนที่โกงที่ดินของเขาไปก่อนและยังมีปัญหาเรื่องของน้ำตกใส่หลังคาบ้านในวันเกิดเหตุจึงได้ทะเลาะกันอย่างรุนแรงและเขาจึงได้บันดาลโทสะใช้อาวุธมีดทำร้ายจนหญิงชราเสียชีวิตแล้วนำออกไปทิ้งอย่างครูน้ำข้างบ้านนั่นเอง
อย่างไรก็ตามทั้งชาวบ้านและครอบครัวของผู้เสียชีวิตนั้นต่างก็ไม่เชื่อคำให้การของผู้เสียชีวิตเพราะทุกคนมองว่าหญิงชรานั้นเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาและไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับใคร
สนับสนุนโดย UFABET เว็บตรง